วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2556


ตอนที่ 2  สู่วังเวียง กุ้ยหลินแห่งลาว

หลังจากนั่งขโยกขเยกจาหลวงพระบาง  ถึงวังเวียงที่ท่ารถโดยสาร เราก้อขึ้นสามล้อไปโรงแรม
 ที่เราจองไว้ สุขสมบูรณ์ ในราคา คืนละ 500 แอร์ + อาหารเช้า ห้องก้อโอนะ แล้วที่นี่ยังมีบริการ
จุดทัวร์ รถโดยสารไปโน่นมานี่ ติดต่อได้จากที่นี่เลย เจ๋งโครต แถมรถมารับหน้าโรงแรมอีกตะหาก 



อาหารเช้าในราคา 1000 กีบ เป็นแซนวิชลาวๆ อิอิอิ น่ากินมากๆๆๆ ที่นี่ทำดี สะอาด 
แล้วก้อ อันเบ้อเร้อเลยอ่าาาาา




วิวจากในห้องพัก 




ถึงที่นี่จะดูวุ่นวายไปด้วยฝรั่งมากมาย แต่ธรรมชาติบางมุม ก้อยังสงบได้อย่างลงตัว 
วังเวียงเหมาะแก่การมาพักผ่อนชิวๆ เล่นน้้ำ กินเบียร์ ดูฝรั่ง อิอิอิ




อาบน้ำ ล้างหน้าล้างตา เราก้อเดินเท้าออกจากห้องพัก สำรวจเมือง ชิวๆ จะเช่าจักรยานหรือ 
มอไซค์ก้อได้ ขำ ๆ แต่เราเลือกที่จะเดิน เหนื่อยหน่อย หลงหน่อย แต่มันก้อได้เห็นอะไรๆ มากมายดี เดินข้ามฝั่งแม่น้ำไป ช่วงนี้แม่น้ำตื้นเขิน ต้องเอารถมาขุดดินขุดหินออกบ้าง




มีบอลลูนขึ้นด้วย ราคาคนละ 2500 ณ ตอนนั้น อิอิอิ



มีกิจกรรมมากมายให้ทำที่วังเวียง ซึ่งบางอย่างก้อล้วนแล้วแต่เสียเงิน 
แต่เราขอเดินชมวิถี ชีวิตคนทั่วๆไปดีฝ่าาา อิอิอิ







อำลาวังเวียง จากมุมในห้องพักของเรา ที่นี่เหมาะแก่การมาพักผ่อน ชิวชิว ในอารมณ์แบบต่างประเทศ แบบหลบความจำเจ มาเที่ยวเมืองนอก แต่เราว่า เมืองไทยสวยกว่านะ .................. หุหุหุหุ ออกจากโรงแรมด้วยรถตู้อีกเช่นเคย เพื่อเข้าสู่เวียงจันทร์ ในราคา 300++ จองรถได้จากโรงแรมเลย รถมารับที่หน้าโรงแรม ใช้เวลาเดินทาง 3-4 ชม แต่ปัจจุบัน แต่ทางสุดยอด .............. ตอนนี้มีรถบัสยาวจากอุดร เลย จนถึงหลวงพระบาง ใครอยากไปก้อสามารถตีตั๋วยาวได้จากอุดร
 ไม่ต้องต่อรถให้ยุ่งยาก เจ๋งอ่าาาาาาาาา
นั่งขโยกเขยกกันไปเรื่อยๆ คนในรถไม่เยอะวันนี้ เลยได้นั่งสบายหน่อย อิอิอิ เข้าสู่เวียงจันทร์
 เมืองหลวงสุดคลาสสิคของประเทศลาว 




                                 ระหว่างทางไปเวียงจันทร์ ก้อผ่านนั่นผ่านนี่ดูวิวกันไป 




เข้าสู่ตัวเมืองเวียงจันทรืละ รถตู้จะไปจอดตรงในตัวเมือง ซึ่งหลังจากนั้นเราก้อคงต้อง
หารถสามล้อไปต่อกันแต่เนื่องด้วยเวลาอันจำกัด คงจะไปเยี่ยมชมได้ไม่กี่ที่ 
แล้วคงต้องรีบข้ามแดนกลับไปที่ จังหวัดหนองคาย เพราะเราต้องไปต่อรถที่ อุดรธานี
เพื่อกลับยังพิษณุโลก



รถเปิดประทุนในเวียงจันทร์ อิอิ




ได้รถแล้วก้อต่อรองราคาที่ 300 บาท ให้้ไปส่งที่ด่านข้ามพรมแดนจังหวัดหนองคาย 
แต่ก่อนอื่นก้อขอแวะ วัดศรีษะเกตุหน่อยนะ




ค่าเข้าคนละ 2000 กีบ 







ใช่้วลาชื่มชมกันไปไม่นานนัก ก้อต้องรีบไปกันแล้วจ้า



ไปถึงด่านเราก้อทำเรื่องกลับเข้าประเทศไทย ใช้เวลาไม่นานนะคะ เจ้าหน้าที่ทำกันไวดี 





จากด่านหนองคาย จะมีรถตู้ไปส่งที่ท่ารถหนองคาย คนละ 50 บาทโดยประมาณ 




จากเวียงจันทร์ เพื่อนอั้มของเราขออยู่ต่ออีก 1 วัน พี่ยา ขึ้นรถจากท่ารถหนองคาย ยาวไปกรุงเทพ ส่วนเรา ก้อต้องต่อรถ จากตรงนี้ไปยังท่ารถที่อุดร อีก 60 บาท เพราะจะมีรถกลับพิดโลก 
จากที่นั่น ใช้เวลา ชั่วโมง กว่าๆ เราก้อไปถึงท่ารถที่อุดร แอบใจหาย เพราะ รถไปพิดโลก 
เต็มหมดเลย เดินไปเดินมา มีบริษัทจัดรถเสริมมา เลยได้รถเที่ยว 2 ทุ่ม ในราคา 300++ มีอาหารเย็นให้คนละกล่อง แต่กว่าจะได้ไปก้อโน่นแหละ 4 ทุ่ม รถเสียเวลา สภาพรถ ที่แทบจะบอกได้ว่า
 กูมาถึงบ้านได้ก้อบุญนักหนา นั่งรถยาวจากอุดร หลับไปหลับมา 
ตื่นมาอีกที ตี 2 อ้าว ถึงวังทองแล้วววว เตรียมตัวลงหน้าบ้าน 





ถึงบ้านได้หลับอย่างเป็นสุข การเดินทางอันหนักหน่วงและยาวนาน อิอิอิ ผลาญน้ำหนักเราหายไปหลายกิโล แต่ถึงอย่างนั้นก้อเถอะ เพราะอีกไม่กี่วัน เราก้อเรียกมันคืนมาได้ อิอิอิอิอิ
..................................................
การเดินทางสำหรับเรา มันคือกำไรชีวิตอย่างสูงสุด การได้พบเพื่อนร่วมทางดีๆ 
การได้พบคนดีๆ บางที่ที่เราคิดว่ามันอาจจะไม่เวิร์ค แต่มันก้อเวิคร์ซะงั้น 
มีความสุขทุกครั้งที่นึกถึง ........ คงได้กลับไปอีกนะ หลวงพระบาง






ดอกไม้ทะเลทราย    ผู้ไร้ซึ่งกฎเกณฑ์

แบ่งปันประสบการณ์การค้นหาตัวตน




แบคแพคไปลาว กันป่าวววว ตอนที่ 1 จากพิดโลกไปหลวงพระบาง

แบกเป้ตามใจฉัน  สไตล์ดอกไม้ทะเลทราย
ตอนที่ 1  หอบฝันไปเยือนหลวงพระบาง


แบคแพคไปลาว เริ่มจากหนองคาย แล้วกลับทางเชียงรายเชียงของอ่ะ อยากไป ช่วง เมย อ่ะ 
ที่เขามีหยุดยาวเพิ่ม ก่อนสงกรานต์ฮ่ะ 6-9 เมย 55 

ประมาณเนี้ย 


จองโรงแรมผ่านอโกด้า   แม่โขงมูนอินท์ ที่หลวงพระบาง

และ สุขสมบูรณ์ ที่วังเวียงอ่ะ


     

        
  กับเส้นทาง น่าน ห้วยโกร๋น รวมแล้ว 4 คืน 5 วันในลาว หมดไป 4900++ บาท เฉลี่ยวันละ 1000 
รวมค่าห้องพักด้วย แต่มีคนช่วยหารก้อเบาไปได้พอสมควร 
จากด่านห้วยโก๋นจนไปจบที่ด่านหนองคาย 

                                           จากนี้มาดูวิธีการเดินทางกันเถอะค่ะ  


                           จาก อ . วังทอง บ้านฉัน อิอิอิ   นั่งรถไฟฟรีจากสถานีพิษณุโลกไปลงเด่นชัย
      เลือกเที่ยวบ่ายๆ กะไปถึง เด่นชัยตอนตี 4 ลงสถานีเด่นชัย
           ด้านหน้าจะมีคิวรถตู้เลือกต่อรถตู้ไปด่านห้วยโกร๋น 100 กว่าบาท



ถึงด่านไทยก้อทำเรื่องผ่านด่าน เสีย 10 บาท แล้วที่เห็นทางเดินไปเรื่อยๆ ไปฝั่ง ตม ลาว 
ทำเรื่อง อีก 20 บาท จิงๆ มีรถนะคะ 20-40 บาท แต่ลองเดินไปดู ก้อโออยู่ ถ้าเป๋าไม่หนักนะ



แล้วก้อนั่ง สามล้อ 40 บาท จาก ตม ลาว ต่อมาท่ารถบัสที่เมืองเงิน เพื่อหารถจะต่อไปเมืองหงสา เพื่อจะต่อรถแล้วข้ามไปนอนที่ปากแบ่ง 1 คืน เพื่อนั่งเรือช้า เข้าหลวงพระบาง



หลังจากนั้นก้อได้รถไปเมือง หงสา ในราคาคนละ 80 แต่พอดีเจอกลุ่มคนไทย อีก 3 คน เลยชวนไปขึ้นเรือกัน เลยคุยกะคนขับให้ไปส่งที่ท่าเรือเลย ในราคา คนละ 100 บาท เราตีตั๋วไปก่อนหน้าแล้ว 80 กะไปนอนหงสา 1 คืนแล้วเช้าก้อไปขึ้นเรือช้าที่ปากแบ่ง เพื่อไปหลวงพระบาง แต่เอ้าลงมติ
แล้วก้อเลยตามๆ เขาไป ให้โชเฟอร์ไปส่งที่ท่าเรือ เพื่อนั่งเรือเร็วไปหลวงพระบางเลย




ระหว่างทาง ถนน กะลังสร้าง แต่ขอบอกทางสุดยอดมาก เตรียมผ้าไปกันผุ่นก้อดี แต่ตอนนั้นเป็นช่วงเม ย 55 ป่านนี้ก้อใกล้เสร็ขแล้วมั้ง ทำไมถึงมาทางนี้้ อยากรู้ใช่มะ เพราะ บ้านอยู่พิดโลกไงคะ อิอิอิ ตอนแรกจะนั่งเรือเริ่มจากเชียงของ แต่กลัวช่วงวเมย น้ำแห้ง อีกอย่างเส้นน่านก้อเพิ่งเปิดใหม่ ...
เอาก้อเอาวะ ลองไปดู ไปทางหนองคายก้อเบสิคเกินไป เลยเข้าน่านแล้วออกทางหนองคาย 
ก้่อโอนะ




ถึงท่าเรือ แต่มาถึงรอไปรอมา กลายเป็นว่าเรือเร็วหมดแล้วววว ลองหาคนไปดูก้อไม่มีใครไป ถึงไปก้อแพงมากๆ เราเลยกะนอนกันที่ท่าเรือนี้ ซึ่งจิงๆแล้ว คนขับพาเรามาส่งผิดท่า .......จริงๆต้องให้เขาไปส่งที่ท่าเรือปากห้วยแคน เพื่อขามไปปากแบ่ง ..........นี่ป่าววว ที่เขาเรียกว่างานงอก 
เอาล่ะสิ สาวๆกันทั้งนั้นด้วยยยยย



นั่งรอกันอย่างเลื่อนลอย แต่ถ้ายังไงคงต้องค้างที่บ้านชาวบ้านแถวนี้ ....แต่ความอดทนก้อมีขีดจำกัด เพราะ มีหนุ่มๆลาว มาตั้งวงกินเบียร์อยู่ข้างๆ ซึ่งเป็นเพิงร้านค้าาา .....ชักจะกลัวขึ้นมาซะแล้วอ่าาาา



สุดท้ายเหมือนสวรรค์มาโปรด เรือช้ามาจากหลวงพระบางถึงท่าเรือที่เรานั่งกันอยู่ ดีว่าเขาแวะส่งคนที่่ท่าเรือนี้พอดี ก้อวิ่งกันไม่คิดชีวิต โดดขึ้นเรือ นั่งย้อนไปปากแบ่ง หาโรงแรมนอนดีกว่า
 เสียไปคนละ 200 .....แง่ม แง่ม




ถือว่าคิดถูก ที่กลับมานอนที่ปากแบ่ง ..อิอิอิ ได้ห้อง 240 หารกะเพื่อนทางเนตอีก 1 คน ได้คนละ 120 พัดลม ชิว ชิว ไป น้ำดื่มไม่มีให้ ต้องซื้อเอง แถมรองเท้าแตะหายอีก เซ็ง ดีเอาไปเผื่อ 1 คู่ .......อากาศเย็นสบาย กะลังดี มีน้ำอุ่นด้วย แต่ไม่มีทีวี แต่ตอนลงเรือที่ปากแบ่ง คนลาวที่มาเสนอบ้านพัก ไม่มีใครสนใจคนไทยอย่างเราเลยยย เขินๆ ไงก้อไม่รุ ทุกคนไปรุมแต่ฝรั่งกันหมด ......
เออเอากะเขาสิ



ตื่นมาแต่เช้า หาไรรองท้อง ได้แซนวิชลาวมาอันละ 60 บาท และก้อซื้อช้าวกล่องละ 40 บาท เป็นข้าวผัดหมูธรรมดา ไว้ไปเป็นอาหารกลางวันบนเรือ แล้วก้อดูเรือไปปากแบ่ง เพืื่อนใหม่อยา่กไปเร็วๆ เลยไปถามราคาเรือเร็ว พวกเอาคนละ 1000 แต่สโลแกนของเราีืคือประหยัด งั้นเราขอไปเรือช้า 450 เอง เวลาก้อห่างกันไม่มากเท่าไร สรุปทุกคนก้อไปเรือช้ากันหมด อิอิอิ ออกเรือ 3-4 โมงเช้า ถึงหลวงพระบางเย็นๆ อ่ะ นานหน่อย แต่วิวสองข้างทาง ก้อทำให้เราฝันไปไกลเชียวล่ะ .......คิดถูก คิดถูก 




ท่าเรือปากแบ่ง.........กับเรือช้า ที่กำลังจะพาเราไปยังจุดหมาย..........เมืองมรดกโลก หลวงพระบาง
บรรยากาศที่นั่่น..............ทำให้เราอมยิ้มว่า ในที่สุดกรูก้อมาถึง ......เดินทางคนเดียวก้อดีเหมือนกัน........เหมือนใครบางคนเคยพูดไว้...........โลกนี้ไม่มีอะไรน่ากลัว.........




แม่น้ำโขงสายนี้ ....กะลังขโมยลมหายใจเราไป



สภาพภายในเรือ .........ขอบอก เป็นลาวซะ นิด ไทยซะหน่อย ที่เหลือ ฝาหรั่งงงงงงงงง




เพื่อนใหม่................ผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกัน



เรือออกแล้ว กว่าจะออก ก้อโน่น ปาไป 4-5 โมงเช้า ค่าโดยสารเด๋วเขามาตามเก็บบนเรือ ..........
บนเรือ ก้อจะมีของขาย ขนมนมเนย น้ำดื่ม ส่วนใหญ่ก้อของไทยทั้งนั้น เบียร์ลาวก้อมี 
ถ้าใครอยากม่วนนนนน...ก้อจัดปายยยยย






ก้อชมนกชมไม้ กันไปเรื่อย.........ห้ามใจร้อนนะคะ ดีว่ามาทางรถจากน่านนนน .....ถ้ามาจากเชียงของ เราก้อต้องนั่งเรือถึง 2 วัน ....แต่เชื่อเถอะ อย่างน้อยบรรยากาศในการเดินทาง มันคงจะติดตาติดใจเราไปอีกกนานแสนนาน.........ข้ามภพข้ามชาติเลยรุป่าว ก้อไม่รุ..อิอิ





อะฮ่า............ตะวันรอนๆ ในที่สุดเราก้อมาถึง อยากจะร้องกรี้ดให้สุดเสียง กับความรู้สึกที่มันบอกไม่ถูก .......ว่าในที่สุดก้อจะได้มายืนบนแผ่นดินกับมรดกโลก เมืองหลวงพระบาง.....ขอบอก 
ว่าหลังจากนี้ ความมันส์ สนุก จะบังเกิดขึ้นที่นี่......กับครั้งหนึ่งในชีวิตของเรา


ที่พักของเรา อยู่ไม่ไกลนักจากท่าเรือ เดืนขึ้นมาเรื่อยๆ หลวงพระบาง ถ้าไม่คิดมากก้อเดินได้เรื่อยๆ เพราะเมืองไม่ได้ใหญ่มาก อย่างที่พักที่เราอยู่ ก้อใกล้ ทั้งตลาดเช้า ตลาดมืด ท้ายซอย
 ก้อเป็นร้านกาแฟยอดฮิต ประชานิยม ใครมาใครไปต้องรู้จัก แต่เรามะกินกาแฟ
 เลยได้แค่เดินไปดูเพื่อนใหม่กินกัน




สภาพห้องพัก คืนละ 450 แต่จองผ่านอโกด้ามาก่อนล่วงหน้า ก้อโอนะ แอบชอบห้องน้ำเล็กน้อย 
ห้องพักเราอยู่ชั้นสอง มีระเบียงส่วนตัว อิอิอิ ตื่นเช้าเปิดมานั่งดูวิวตลาดเช้าได้เลย



เก็บข้าวของเรียบร้อย ก้อมาเดินชมตลาดมืดกัน หรือจะพูดง่ายๆ ก้อเหมือนถนนคนเดินบ้านเราทำนองนั้น ของขายส่วนใหญ่ ก้อเหมือนๆ กัน ออกแนว ม้งๆ แม้วๆ ต่อรองราคากันได้.....
ก้อเดินสำรวจกันไป อยากซื้ออะไรก้อจัดปายยยยยยยยย



หลังจากเดินกันเมื่อยแล้ว ก้อมาหาไรกินในตลาดที่อยู่ใกล้ๆ กัน ตามลายแทง ก้อต้องมากิน
บุฟเฟ่ตลาว ตักครั้งละ 40 ไม่อั้น แต่จะเป็นพวกเส้นกะผัก มีหมูย่าง ไก่ย่าง นั้นต้องซื้อเองตะหาก 
น้ำเปล่าด้วยนะจ๊ะ 





หลังจากอิ่มก้อกลับที่พัก นอนเอาแรง เพราะตื้องตื่นมาตักบารตข้าวเหนียว ....อิอิอิ ใฝ่ฝันมาแสนนานว่าจะได้มาตักบารตที่นี่ เราซื้อรองเท้าจากโลตัสพิดโลก มา 2 คู่ 
ตั้งใจเอามาถวายพระที่หลววงพระบาง.......เปงไงล่ะ ....ศรัทธาสูง




ตื่นมาตอนเช้าก้อเดินกลับไปทางตลาดมืด แต่ตอนนี้ไม่มีตลาดมืดแล้ว ก้อไปซื้อชุดตักบารตจากแม่ค้า ชุดละ 80 บาท มีข้าวเหนียว 1 กระติ้บ น่ารัก น่ารัก กล้วยกะขนม แล้วแต่แม่ค้า
เขาจะจัดมาอ่ะนะ ......พระจะมากันเยอะแยะ 2-400 รูป เดินกันไปหลายสาย ........
อีกอย่าง เงินไทยใช้ได้คือกันเด้อที่นี่ ไม่มีเงินลาว จ่ายเป็นเงินไทยได้จร้าาา




พระมาแล้วววว ....สาธุ




พิพิธภัณฑ์ลาว ยังไม่เปิดเพราะนี่ยังเช้าอยู่ หลังใส่บารตข้าวเหนียว เราก้อเดินสำรวจเบาเบา 1 รอบ แล้วจะไปกินกาแฟ กะโจ๊กที่ร้านประชานิยมซึ่งอยู่ใกล้โรงแรม




ศาลาราชการอะไรสักอย่างตั้งอยู่ริมโขง ...อ่ะนะ ก้อดูๆกันไป



ร้านกาแฟประชานิยม คนเยอะมาก
....โดยเฉพาะคนไทย อิอิอิอิ 



แต่เรากินกาแฟไม่ได้ ...เลยข้ามไปฝั่งตรงข้ามแทน มีร้านอาหารเช้าอยู่
 เป็นแบบแซนวิชลาวกะไข่เจียว ชุดละ 40 บาทททท อิ่มมากกกกกกก





หลังจากพบเพื่อนใหม่......คนไทยด้วยกัน เราก้อเลยตกลงหารถเช่าไปเที่ยวนอกเมือง
น้ำตกและก้อบางส่วนทั้งวันในหลวงพระบาง ในราคาเฉลี่ยคนละ 180 บาท โดยมีอ้ายวงษ์คนขับรถชาวลาว ผู้ชึ่งมีอัธยาศัยดีเยี่ยม และเป็นผู้ที่ทำให้ทริปนี้ของเรา สมบูรณ์แบบที่สุด 55555 




เริ่มแรกก้อไปน้ำตกตาดกวางสีก่อนเลย อยู่นอกตัวเมืองหลวงพระบางไปประมาณ 25 โลประมาณนี้ ...เตรียมค่าปี็ คนละ 80 บาทด้วยเด้อ....อิอิอิ ปี้นั้นคือตั๋วเ้ด้อคร่าาาา



ถึงแว้ว ก้อรวมชักภาพหมู่กันหน่อย.......เพื่อนใหม่ทุกคนน่ารักมาก .......เป็นทริปที่จะอยู่ในความทรงจำของเราไปแสนนาน..........มิตรภาพระหว่างการเดินทาง....ภึงแม้เราจะต้องพบกันเพื่อจากก้อเถอะ


                              ก้อไม่รุสินะ ที่นี่มีหมีด้วยอ่ะ ...อิอิอิ งั้นเราไปดูหมีกันดีไหม



หมีมาแว้วว.......เอ้าใครเห็นหมียกมือขึ้น..555555555 ห้ามผวนน้าาาา


อ๊ะ อ๊ะ เดินไปอีกนิด ก้อมาถึงแว้ววว กับด่านแรกของน้าตก สีเขียวสวยมาก 
แต่นี่ฝนเพิ่งหยุดตกไป หลังจากที่ทำพวกเราเปียกปอนกันเป็นลูกหมาตกน้ำ





ธรรมชาติที่ไหนก้อเหมือนกันในโลก ....ย่อมให้ความสงบกับผู้ที่ได้ค้นหา





กลับออกจากน้ำตกตาดกวางสี ก้อแวะหาไรหร่อยๆกิน เห็นอ้ายวงษ์ บอกร้านนี้เฝออร่อย




อิ่มท้องเสร็จ เราก้อจะกลับเข้ามาเที่ยวชมรอบๆเมืองหลวงพระบางอีก .......แต่เด๋วจะกลับมารีวิวต่อนะ ....วันนี้วันเข้าพรรษา ขอไปปล่อยปลาก่อน แล้วจะกลับมารีวิวให้ใหม่ 5555 หนังม้วนนี้ยังอีกยาว 




ป้ายแสดงราคาค่าเรือเร็วล่องจากหลวงพระบางไปยังจุดต่างๆ ในลำน้ำโขง ราคาตามกระดาน ถูกกว่า ราคาที่ไปซื้อผ่านบริษัททัวร์ในเมืองหลวงพระบางมาก ๆ    เขาว่างั้นนะ 






สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ในหลวงพระบาง ซึ่งเป็นราชธานีเก่าแก่ คือการเที่ยววัด ซึ่งมีศิลปะงดงาม มีขนากระทัดรัดไม่ใหญ่โต แม้ว่าจะมีวัดต่างๆมากมายถึง 40 วัด แต่ที่เที่ยวชมเด่นๆ 
จะอยู่ที่วัดเชียงทอง วัดภูษี วัดวิชุนราช วัดใหม่สุวรรณภูมาราม พระราชวังหลวง ถ้ำติ่ง น้ำตกกวางชี 
งั้นเราไปต่อกันที่พระธาตุหมากโม เก่ามากๆๆๆ 
วัดวิชุนราช หรือ วัดหมากโม : วัดพระธาตุหมากโม หลวงพระบาง




                                        ซุ้มประตูแบบ เก่ามาก ที่วัดพระธาตุหมากโม




                                      สิงห์โตหน้าโบสถ์รุ่นเดอะ ที่พระธาตุหมากโม



                                               ยักษ์ลาว อิอิอิอิ ที่พระธาตุหมากโม



ตัวเมืองหลวงพระบางนั้นตั้งอยู่ริมแม่น้ำคานไหลมาบรรจบกับแม่น้ำโขง





วัดเชียงทอง หลวงพระบาง "อัญมณีแห่งสถาปัตยกรรมสกุลช่างล้านช้าง" 
ค่าเข้าชมประมาณคนละ 80 บาท 

ในอดีตเดิมทีหลวงพระบางเคยเป็นเมืองหลวงเก่าของลาวมาก่อน
 เมื่อองค์การยูเนสโก้ยกให้หลวงพระบางเป็นเมืองมรดกโลก ชื่อของหลวงพระบางจึงขจรขจายไปไกล การท่องเที่ยวเมืองหลวงพระบางจึงมีชื่อเสียงมากที่สุดของลาวก็ว่าได้




หลวงพระบางได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกด้วยเหตุผล คือมีวัดวาอารามเก่าแก่มากมาย มีบ้านเรืออันเป็นเอกลักษณ์โคโลเนียลสไตล์ ตัวเมืองตั้งอยู่ริมน้ำโขงและน้ำคาน ซึ่งไหลบรรจบกันท่ามกลางธรรมชาติอันงดงาม และชาวหลวงพระบางมีบุคลิกที่ยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นมิตร 
มีขนบธรรมเนียมประเพณีที่งดงาม
• ในขณะที่มรดกโลกแห่งอื่นอาจได้ขึ้นทะเบียนอย่างจำเพาะเจาะจงในโบราณสถาน ธรรมชาติ แต่หลวงพระบางทั้งเมือง ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกของมวลมนุษยชาติเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2538 และยังได้รับการยกย่องว่าเป็นเมืองที่ได้รับการปกปักรักษาที่ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเชียงใต้




พระราชวังหลวงพระบาง : "ที่ประทับของเจ้ามหาชีวิตประเทศลาว"
จากวัดเชียงทอง จริงๆ เราเดินเท้าได้รอบเมืองเลยนะ ถ้ามีเวลา สัก 2-3 วันที่นี่
 เดินเล่นชิวๆ ได้ทั่วหมด ชอบอ่ะ มันเก่า แล้วก้อเจ๋ง สมกับเป็นเมืองมรดกโลกจริงๆ 



มาแล้วที่เมืองหลวงพระบางเป็นเมืองหลวง พระเจ้าฟ้างุ้มได้รวบรวมแว่นแคว้นต่างๆของชนเผ่าไท-ลาวในเขตลุ่มน้ำโขง แม่น้ำคาน แม่น้ำอู ก่อตั้งอาณาจักรล้านช้าง ณ ดินแดนริมน้ำโขงซึ่งคือหลวงพระบาง เมื่อปี พ.ศ. 1896 – 1916 โดยการช่วยเหลือของกษัตริย์ขอม (เพราะมเหสีของเจ้าฟ้างุ้มคือพระราชธิดาของกษัตริย์ขอมในขณะนั้น) พร้อมๆกับการรับเอาพุทธศาสนาเข้ามาแทนการนับถือผี

• ลาว เป็นประเทศหนึ่งที่สืบเชื้อสายบรรพบุรุษเดียวกับชาวไทย แต่ลาวมีชนกลุ่มน้อยมากมายหลายเผ่า ลาวแท้ๆ มีเพียง 50 เปอร์เซนต์เท่านั้น ซึ่งมักจะอาศัยอยู่ที่ราบริมน้ำโขง ส่วนชาวเขานิยมอยู่บนเทือกเขา

• แรกทีเดียวอาณาจักรล้านช้างมีชื่อเรียกวาส “เมืองชวา” อันเนื่องมาจากมีชาวชวาอาศัยอยู่มากกว่ากลุ่มอื่น ในปี พ.ศ. 1900 เปลี่ยนมาเป็นชื่อ เมืองเชียงทอง กระทั่งกษัตริย์ขอมได้พระราชทานพระพุทธรูปองค์หนึ่ง มีชื่อว่า พระบาง เป็นพระพุทธรูปศิลปะสิงหล เจ้าฟ้างุ้มจึงทรงเปลี่ยนชื่อเมืองเป็น “หลวงพระบาง”

• ปี พ.ศ. 2088 พระเจ้าโพธิสารราชเจ้า โปรดฯ ให้ย้ายเมืองหลวงของอาณาจักรล้านช้างไปอยู่ที่เมืองเวียงจันทน์ แม้หลวงพระบางจะไม่ได้เป็นเมืองหลวงต่อไป แต่เจ้ามหาชีวิตยังคงประทับที่หลวงพระบาง 







หอพระบาง หลวงพระบาง






การเดินทางไม่ใช่ว่าจะสะดวกสะบายอย่างที่ใจเราคิด ทุกอย่างล้วนแต่ใช้ความพยายามทั้งสิ้น เราใช้เวลากลางวันในหลวงพระบางกันไปพอสมควร อิอิอิ คืนนี้เลยมีความคิดกันว่า เราน่าจะไปเที่ยวตลุยราตรีกันบ้าง จะไปเต้นเป็นสเต๊ป ตามแบบฉลับคนลาว อิอิอิ



รวมพลกันได้เล้วววว ก้อ ลุยยยยยย 




ที่แรก ที่เราไป โดยมี อ้ายวงศ์ เป็นผู้มารับด้วยรถสามล้อ อิอิอิ งวดนี้ อ้ายบอกว่า บริการฟรี แต่เราก้อเลี้ยงเครื่องดื่มเขา พร้อมกับให้ติ้ป ด้วยตอนกลับ เจอเพื่อนใหม่ ชาวไทย อีก 2 คน
 เลยได้หมู่เพิ่ม อิอิอิอิ 




สนุกสนานกับการเต้นท์จังหวะบาทสะหล๊บ 5555 



การเต้นในแบบจังหวะบาทสะหล๊บ นั้น ชาวลาวจะมีจังหวะการเต้นเป็นสเต๊ป ซึ่งจะเต้นไปพร้อมๆ กัน เราก้อไปลองเต้นกันดู จิงๆ มันก้อไม่ได้ยากอะไร มันเป็นเหมือนการเตะขา หมุน เป็นจังหวะ 
แต่เสน่ห์ ของที่นี่ ก้อคือการได้รักษาอะไรที่เป็นเดิมๆ ไว้ เราว่าน่าภาคภูมิใจดี
 มาแล้วจะไม่เต้นกับเขาก้อกระไร งั้นก้อต้องจัดไป อิอิอิ 



เรากับคุณยา อิอิอิ ลองเต้นกันไปกันมา ปล่อยแก่ นิสสสส นุง อิอิอิอิ อ้อ แล้วถ้าใครไปหลวงพระบาง อยากจะลองไปเต้นดู ก้อให้ถามรถรับจ้างได้เลย ว่าจะไปเต้น บาทสะหล๊บ อิอิอิ เด๋วเขาก้อพาไป บรรยากาศในผับก้อเป็นแบบ ย้อนยุค นิดนึง เพลงแบบพื้นเมือง เดิม ๆ นักร้องนุ่งผ้าซิ่น 
ก้อเก๋ไปอีกแบบนะ








เราเต้นรำกันอย่าง หนุกหนาน หนุ่มๆ ในคณะเลยคิดไอเดียว่า ไหนๆ ก้อลองแบบย้อนยุคดูแล้ว น่าจะไปแบบแด้นซ์กระจาย กันมั่งดีกว่า อิอิอิ ไฉนเลย ที่เราจะปฏิเสธ อิอิอิอิ เรื่องแดนซ์อ่ะ ถนัดนักแล



บอกคนขับรถว่า อ้าย หนูอยากไปแด้นซ์กันต่อ อ้ายวงศ์ก้อสนองรับนโยบายทันที พาพวกเราไปโลด อิอิอิ เธคลาวนี่ไกลออกไปอีกหน่อย แต่เข้าไปแล้วก้อใหญ่โต พอสมควร คนเยอะมาก 
เราเลยจัด เบยลาว กันสบายแฮ อิอิอิ



ก้อไม่รู้สินะ หนุ่มสาว ชาวลาว ก้อน่ารักดีอ่าาา อิอิอิ



อิอิอิ คึกคักกันน่าดู เบยลาว ก้ออร่อย กินกันไปหลายขวดเรยยยย 





เราเต้นกันอย่างเมามัน ก่อนจะกลับโรงแรม คืนนี้คงหลับสบายน่าดู อิอิอิ
 เพราะพรุ่งนี้เราจะไปต่อกันที่วังเวียง ต้องอำลาหลวงพระบางกันซะแล้วววว


เราจองตั๋วรถตู้ไปวังเวียงในราคาคนละ 4-500 บาท โดยประมาณ รถมารับถึงหน้าโรงแรม จิงๆ มีรถบัสนะ แต่เราว่ามันช้าป่าวไม่รุ เพราะต้องจอดนั่นจอดนี่ เลยไปรถตู้กัน ใช้เวลานานพอสมควร 6-7 ชม ทางสุดยอด ทุ้งหลุมทั้งบ่อ แต่ตอนนี้ มีรถบัสแบบอย่างดี บริการจากอุดรถึงหลวงพระบางเลยนะ
 ใครไปคราวหน้า ก้อคงได้ใช้บริการแล้วล่ะ 



ต่อตอนที่ 2  สู่วังเวียง  กุ้ยหลินแห่งลาว
                        http://luangprabangcherry.blogspot.com/2013/10/2-500-1000-2500.html



ผู้เขียน
ดอกไม้ทะเลทราย